วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ช้างใหญ่ในป่าคอนกรีต


      หลายๆคนคงเคยเห็นช้างที่เดินตามข้างถนน บนเมืองใหญ่ๆ ทั้งตัวใหญ่น้อย ที่มีควานคอยขายกล้วยอ้อยเป็นทาน เป็นอาหารประทังชีวิต ช้างเหล่านี้เกิดที่ในป่าจากบ้านมาอยู่เมืองตั้งแต่ยังเล็ก ตอนเด็กตัวเล็กยังพออยู่ได้เพราะร่างกายยังไม่ใหญ่โต เดินไปเดินมามีทั้งคนเอ็นดู คนขบขันเพราะความเดียงสามันเป็นเด็ก เมื่อเล็กจากป่ามากำพืดป่าย่อมยังอยู่แต่ด้วยความหัดรู้ กล้วยอ้อยจากมือมันคือสิ่งล้ำค่าในป่าเมือง ที่คนพบเห็นส่งให้ไม่ขาดสาย เพราะกายที่น่าชัง จึงหลงรักป่าเมือง เพราะไม่ต้องเดินฝ่าหนามไปหักเครือเถา ไปต่อสู้กับเหล่ามดแมง เดินตามถนนแห้งๆก็มีกิน

      พอเริ่มเป็นช้างหนุ่มที่ซุ่มพักพิงอิงกายเริ่มไม่ปกปิดบังกายไว้ได้ ด้วยความใหญ่โต พอเดินโก้่ๆตามถนนเริ่มมีคนโวยวาย เพราะกายที่กำยำล่ำใหญ่อาหารไหนหรือจะพอ จะเข้าไปขอตามห้างก็ไม่มีใครให้ แถมยังต้องติดท้ายด้วยแผ่นซีดีให้มีคนขบขัน ครั้งจะหาที่พักพิงมีแต่คนยิ่งระอา ทั้งขี้ทั้งหญ้าที่มากมาย
ไหงป่าเมืองที่เคยแสนสบายกลับกลายเป็นเมืองคอนกรีตที่แทบไม่ซอกหลืบให้หลบหายใจ
เมืองที่กล้วยอ้อยเป็นสาย มันหายไปไหน ช้างหนุ่มเริ่มเอะใจ ตกลงยังไงเมืองใหญ่เมืองนี้ แสงสีวุ่นวายมากมายล้วนกินไม่ได้สักอย่าง สู้เครือเถาที่จากมา หักหายากบ้างแต่ก็ต่างกินได้ เมื่อเริ่มคุ้นชินกับคนมากมายเริ่มรู้ได้ถึงมายา ที่เขาให้เรามาล้วนมายาหวังผล บ้างคนหมดอาลัย ไม่รู้ทำบุญทานกับใคร
เราสัตว์ใหญ่หวังได้บุญหนัก ไม่ได้รักที่เราสี่ขากายาใหญ่โต บ้างเริ่มเกรงกลัวเห็นตัวเราแปลกแต่แรกเคยลูบหัว ตอนนี้กลัวจะเหยียบ
      ช้างใหญ่เริ่มคิดชีวิตในป่า แต่เล็กจากมาพื้นเคยเป็นดิน แต่ถิ่นนี้เป็นปูน ทวีคูณความร้อน
เปลือยปล่าวกายเดิน ต้นไม้ก็แปลกไม่แผ่ร่มเงา มีแต่เสากับคาน สูงชะลูดเสียดฟ้าแต่ไม่มีค่าบังกาย
ช้างใหญ่เริ่มนึกได้นี่ไม่ใช่ที่เรา ช้างใหญ่ในป่าคอนกรีต ไร้ที่พักกาย ไร้ร่มบังตา กลับบ้านดีกว่ามีค่ากว่าเมือง ถึงเปลืองร่างกายให้ร่มไม้บังหน้าคงใช่กว่าที่เป็น เห็นแต่เสาคาน ใช่บ้านของเรา

ช้างใหญ่ในป่าคอนกรีต ไม่ใช่ที่...............................@int tomorrow