วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

เมื่อเริ่มที่จะหมดพลังให้ก้มลงมองที่เราสร้าง ‘ด้วยรอยเท้าเล็กๆของเราเอง’

  หากการอ่านหนังสือดีๆสักเล่ม สามารถเป็นดั่งวิตามินที่เสริมสร้างกำลังใจให้กับคนเราได้       
หนังสือปกสีหวานที่ชื่อ ‘รอยเท้าเล็กๆของเราเอง’ เล่มนี้ คงเป็นวิตามินชั้นดีที่สร้างพลังใจที่แข็งแรง
ให้กับผู้อ่านได้เป็นอย่างดี ชื่อของ วินทร์ เลียววาริณ  เจ้าของรางวัลซีไรต์สองสมัยที่การันตีได้ถึงคุณภาพของหนังสือเล่มนี้
    อย่างที่รู้กันว่า คุณวินทร์เขียนหนังสือได้มากแนว เนื้อหาหลากหลายมุม ทั้งเรื่องสั้น นวนิยาย บทความ ฯลฯ และเป็นนักเขียนที่มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละงานที่ออกมาสู่สายตาผู้อ่านล้วนแต่มีความแปลกใหม่ น่าสนใจและมีคุณค่า ซึ่งรอยเท้าเล็กๆของเราเอง ก็เป็นหนึ่งในนั้น




...รอยเท้าของตนเองถึงจะจาง  แต่ก็เป็นรอยเท้าของเราเอง
    ย่างก้าวของเราถึงจะสั้นและช้า   แต่ก็เป็นก้าวของเราเอง...



“หากไม่มีกลางคืน หิ่งห้อยคงไม่สามารถเปล่งแสงแสนสวยออกมาให้เราได้ชม
หากไม่มีอุปสรรค เราก็คงไม่มีวันใช้ขีดความสามารถของเราถึงที่สุด”

 


"การเลียนเพื่อรู้เป็นเรื่องดี แต่การรู้เพื่อเลียนไม่ใช่
หากไม่สามารถสร้างรอยเท้าของตัวเองได้ ก็มิยอมเหยียบบนรอยเท้าของผู้อื่นได้
บท รอยเท้าเล็กๆ ของเราเอง"



ความสนุกของการเรียนรู้คือการลุ้นที่จะค้นพบความรู้ใหม่ๆ ที่เรายังไม่ได้เรียนรู้


จงใช้เพื่อนเป็นที่ปรึกษา ไม่ใช่ให้นำทาง




ปรัชญาเซนสอนให้ชำระหนี้ก่อนวันใหม่ ทุกวัน
จงหลับไปในแต่ละคืนโดยคิดว่ามันเป็นราตรีสุดท้ายในชีวิต
...
เพราะทุกวันคือวันตาย ทุกวันใหม่จึงเป็นโบนัสของชีวิต
บท ก่อนเปลือกตาจะปิด



บางครั้งชัยชนะก็ขึ้นอยู่กับขนาดของหัวใจ
บท ขนาดของหัวใจ




คำ พูดง่ายๆ เล็กๆ น้อยๆ ที่กลั่นกรองจากใจและปาก อาจช่วยทำให้คนฟังมีความสุขทั้งวันหรืออาจจดจำได้ไปตลอดชีวิต และนั่นคือสัมมาวาจาที่แท้จริง
บท เจตนาดีกับลมปาก




ปลดปล่อยอดีต ก้าวไปในอนาคต ให้อภัยแต่ไม่ลืม
บท "ถ้้ารู้อย่างนี้จะไม่..."



           โลกเปิดโอกาสให้เราเรียนรู้จากความผิดพลาดเสมอ การพลัดพรากจากคนรักทำให้เรารู้คุณค่าของการอยู่ด้วยกัน การอกหักทำให้รู้คุณค่าของรักครั้งใหม่ การเจ็บป่วยทำให้รู้คุณค่าของสุขภาพดี 
การสอบตกทำให้รู้คุณค่าของการสอบได้ การทำเงินหายทำให้รู้คุณค่าของเงิน ฯลฯ


คำชมเป็นของหวาน คำวิจารณ์เป็นยาขม แต่หากไม่รู้จักความขม ไหนเลยจะซาบซึ้งกับความหวานได้เต็มที่
บท บทเรียนจากตะกร้า


         “การไม่ยอมแพ้เมื่อหกล้ม ลุกขึ้นมาก้าวเดินไปข้างหน้า สร้างรอยเท้าของตนให้ปรากฏบนผืนโลก เพราะแม้จะจางและเล็กแต่ก็เป็นรอยเท้าของเราเอง” สู้กับอุปสรรคของชีวิต กระทำในสิ่งที่ตนเองฝัน พยายามสร้างสรรค์สิ่งใหม่ และยืนหยัดได้ด้วยตนเอง"

รอยเท้าเล็กๆของเราเอง จึงเป็นวิตามินชั้นดีที่เสริมสร้างกำลังใจและสอนให้เรากล้าที่จะก้าว ด้วยเท้าเล็กๆของเราเอง

ขอบคุณ คุณวินทร์ เลียววาริณ ที่สร้างที่พักพิงที่ดี ยามอ่อนแอและต้องการกำลังใจ

นิทานเรื่อง....เเม่มด

นิทานเรื่อง....เเม่มด


          ถ้าเป็นคุณ จะเลือกแบบไหน ดีมากๆ ...อ่านให้จบนะ

          กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว.....อาเธอร์ถูกจับและจะประหารชีวิต แต่กษัตริย์เสนอให้เขาเป็นอิสระ ถ้าหากเขาสามารถตอบปัญหาแสนยากข้อหนึ่งได้ถูกต้อง

          อาเธอร์มีเวลาหาคำตอบ 1 ปีเต็ม ถ้าเขาตอบไม่ได้.. เขาก็จะถูกประหาร

          "คำถามนั้นคือ .... สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจริงๆ คืออะไร ?"

          ปัญหาดังกล่าวช่างยากเย็นจนแม้นักปราชญ์ที่ฉลาดก็ยังงุนงง เขากลับไปยังอาณาจักรของเขาและ เริ่มหาคำตอบจากทุกผู้คน แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่น่าพอใจได้ คนส่วนมากจะแนะนำให้เขาไปปรึกษาเรื่องนี้กับยายแม่มดแก่ ซึ่งน่าจะเป็นผู้เดียวที่จะรู้คำตอบ แต่ราคาค่าปรึกษาคงจะแสนแพง

          แล้ววันสิ้นปีก็มาถึง อาเธอร์ไม่มีทางเลือกอื่น

          แม่มดตกลงจะให้คำตอบแต่อาเธอร์ต้องยอมรับเงื่อนไขแลกเปลี่ยนก่อน นังแม่มดต้องการแต่งงานกับกาเวน อัศวินผู้ทรงเกียรติสูงสุดของเหล่าอัศวินโต๊ะกลม และเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของอาเธอร์ อาเธอร์หนุ่มถึงกับสยองขวัญ เพราะยายแก่หลังโกงเหม็นก็เหม็น มีฟันเหลือซี่เดียว ตัวก็เหม็นเหมือนถังส้วม ชอบทำเสียงประหลาดน่ารังเกียจ เขาปฏิเสธที่จะให้เพื่อนรักแต่งงานกับหล่อน
          ฝ่ายกาเวนพอได้รับรู้ถึงข้อเสนอนั้น เขายอมแต่งงานเพื่อชีวิตของอาเธอร์ และการดำรงอยู่ของอัศวินโต๊ะกลม
          และยายแม่มดก็ให้คำตอบต่อคำถามของอาเธอร์ "สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจริงๆ ก็คือการได้เป็นตัวของตัวเอง"
          ทุกคนทราบได้ทันทีว่าแม่มดได้กล่าวอมตะวาจาอันยิ่งใหญ่ และอาเธอร์ก็รอดพ้นจากการประหารแน่นอน และก็เป็นเช่นนั้นจริง

          แต่ทว่า........งานแต่งงานของกาเวนกับนังแม่มดช่างเหลือรับจริงๆ กาเวนสง่าผ่าเผยเช่นปกติทั้งสุภาพอ่อนน้อม ส่วนฝ่ายนังแม่มดเฒ่านั้นออกลายนิสัยเลวสุดเดช ทั้งกินมูมมามด้วยสองมือ ทั้งเรอ ทั้งตด ทุกผู้คนต่างรู้สึกอึดอัด และแล้วยามค่ำของวันส่งตัวก็มาถึง

          กาเวนได้ปลอบตนเองพร้อมรับคืนสยองเขาก้าวเขาสู่ห้องนอนวิวาห์ ช่างไม่เชื่อสายตาตนเอง!!!! หญิงสาวแสนสวยที่สุดที่เคยพบพาน นอนรออยู่เบื้องหน้า กาเวนงุนงง ???? สาวแสนสวยเฉลยว่า...
          เพราะกาเวนช่างแสนดีกับหล่อน (เมื่อยามเป็นแม่มด) ดังนั้นครึ่งหนึ่งของวัน เธอจะอยู่ในสภาพพิกลพิการน่ารังเกียจ ส่วนอีกครึ่งหนี่งของวัน เธอจะอยู่ในร่างแสนสวยนี้

          กลางวันเขาอยากให้เธอเป็นแบบไหน กลางคืนอยากให้เป็นแบบไหน?
          เป็นคำถามที่ช่างโหดร้าย!!! กาเวนเริ่มคิดไตร่ตรอง หญิงสาวสวยยามกลางวันเพื่ออวดต่อเพื่อนฝูง แต่กลางคืนเมื่ออยู่สองต่อสอง เป็นยายแม่มด? หรือว่าเขาควรจะเลือกยายแม่มดตอนกลางวัน แล้วได้สาวสวยเพื่อเริงระบำยามค่ำคืนดี??

          เป็นคุณหล่ะ.. คุณจะเลือกอย่างไร ???
         
          ....

          เอาล่ะ..เมื่อได้คำตอบของคุณแล้ว อ่านคำตอบของกาเวนที่อยู่ข้างล่างนี้ กาเวนตอบว่า

          "เขาขอมอบให้เธอเป็นผู้ตัดสินใจเลือกเอง"
          เมื่อเธอได้ยินดังนั้น เธอจึงประกาศก้องว่าเธอจะสวยตลอดเวลา เพราะเขาได้ให้ความเคารพและให้เธอเป็นตัวของตัวเอง




นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า...

          1. ผู้หญิงไม่ว่าจะสวยหรือจะน่าเกลียด ลึกๆ ข้างในเธอก็คือ แม่มด
          2. ผู้หญิงจะกลายร่างเป็นแม่มด หรือเป็นสาวแสนสวยเมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับความประพฤติของผู้ชาย!!!